เทศน์เช้า

เทศน์ค่ำ

๓๑ พ.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์ก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ประเดี๋ยวเราจะประกอบพิธี เห็นไหม เราจะไปทำพิธีทางศาสนา เราจะเวียนเทียนกัน เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา เพราะเป็นวันสำคัญทางศาสนา เราเป็นชาวพุทธ ผู้ใดนับถือศาสนาใด เขาจะทำบุญกุศลเขาตามลัทธิศาสนานั้น แต่นี้เป็นชาวพุทธเรา วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เราระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม

โลกเขาปรารถนากัน เขาบอกว่าให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ศาสนาประจำชาติมันก็เป็นแค่ตราเป็นกฎหมาย แต่ถ้ามันศาสนาประจำใจของเราล่ะ ศาสนาประจำใจชาติมนุษย์ เราเป็นมนุษย์ เรามีศาสนาประจำใจของเรา สิ่งที่จะมีศาสนาประจำใจเข้ามา ใจของคน ถ้าเป็นคนดี ถ้ามีความปรารถนา เห็นไหม เราทำคุณงามความดีไง นี่เป็นชาติมนุษย์

ถ้าจิตใจเป็นชาติมนุษย์ เห็นไหม ศาสนาประจำใจเรา เราจะมาทำพิธีกรรมทางศาสนา เพราะ! เพราะเป็นคนที่มีศาสนา ดูสิ รัฐบาลหรือผู้ปกครอง เขาพยายามไง พยายามจะให้ชาวพุทธเราเข้ามาทำบุญกุศล เห็นไหม ทำบุญกุศลสละทานเพื่อฟังธรรม เพื่อให้จิตใจมีความร่มเย็นเป็นสุข ถ้าจิตใจของมนุษย์เรามีความร่มเย็นเป็นสุข การปกครอง การต่างๆ ทางฝ่ายบริหารเขาก็ไม่ต้องใช้งบประมาณมาก สิ่งต่างๆ ถ้าประชาชนเป็นสุข สังคมเราร่มเย็นเป็นสุข สังคมเราไม่เบียดเบียนกันนะ สิ่งที่เป็นโลกๆ สิ่งนั้นเป็นเรื่องของโลกๆ เห็นไหม นี่ศาสนาประจำใจ

ถ้าทุกหัวใจมีความรู้สึกเป็นคุณประโยชน์กับเรา มันจะทำพิธีกรรมได้ไง แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่มีศาสนา เป็นวันสำคัญแต่ก็ยังนิ่งเฉยอยู่ เห็นว่าความจำเป็นของชีวิต ความจำเป็นของโลก สิ่งนี้หามามีแต่ความเร่าร้อนนะ เรื่องของโลกเป็นไฟเผา เป็นเผาใจของเราไง เพราะอะไร เพราะเราเคร่งเครียด เราเร่าร้อนของเรา เห็นไหม ตัณหาความทะยานอยาก สิ่งที่เป็นความอยากของกิเลสมันไม่มีวันเพียงพอ แต่ถ้าเป็นเรื่องของธรรมมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

การกระทำเหมือนกัน การกระทำอันหนึ่งเป็นเรื่องของโลก เป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นเรื่องของอำนาจคะคานกัน การกระทำอีกอันหนึ่งเป็นการกระทำของการเสียสละ เป็นการเห็นน้ำใจกัน เห็นไหม การกระทำเหมือนกัน การกระทำอันหนึ่งการกระทำโดยกิเลส การกระทำอันหนึ่งเป็นการกระทำโดยธรรม ถ้าหัวใจมีธรรมขึ้นมา ในครอบครัวจะมีความร่มเย็นเป็นสุข นี่บุญ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ สอนไว้ว่าบุญ บุญคืออะไร? บุญคือความร่มเย็นเป็นสุขในครอบครัวไง ในครอบครัวของเรามีความยิ้มแย้มแจ่มใส มีความร่มเย็น อันนั้นคือบุญนะ เราจะมีมากมายมหาศาลขนาดไหน แต่ในครอบครัวของเราก็เร่าร้อนนะ ถ้าในครอบครัวของเราก็เร่าร้อน บุตรธิดาของเราก็มีแต่ความเร่าร้อน สิ่งนั้นมันเป็นบุญไหม? เราจะหามาทำไมล่ะ?

เพราะ! เพราะสมบัติพัสถานนะ เราไม่พลัดพรากจากเขา เขาก็ต้องพลัดพรากจากเรา โลกนี้เป็นโลกสมมุติทั้งหมดนะ จริงตามสมมุติ เงินนี่ใช้ได้จริงๆ ทุกอย่างนี่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ ทั้งนั้น แต่มันชั่วคราว ดูชีวิตของเราสิ เราเกิดมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่ แล้วเราก็จะต้องพลัดพรากจากชีวิตนี้ไปแน่นอน แล้วเราไปแสวงหาสิ่งนี้ แล้วมันเป็นของชั่วคราว นี่สมมุติ สมมุติอย่างนี้ สมมุติแต่เป็นจริงๆ จริงตามสมมุติ แล้วจริงตามวิมุตติล่ะ? จริงตามธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ?

เพราะ! เพราะเรื่องสิ่งที่เป็นวัตถุนี่นะ เป็นร่างกายของเรานี่ ตำแหน่งหน้าที่การงานของเราต่างๆ มันเป็นสมมุติทั้งนั้นล่ะ แต่ความรู้สึกที่เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้นี่เป็นความจริง เป็นความจริงเพราะอะไร เพราะมันเกิดมันตายในวัฏฏะต่างๆ นะ มันเกิดมา เกิดมาสะสมบุญญาธิการมา สิ่งที่ว่าทำแล้วไม่ได้ผล บุญไม่มี บาปไม่มี แล้วมานั่งกันอยู่นี้ มันมาจากไหน มันมาจากบุญกุศลเรานี่แหละ

ถ้าเราไม่ได้ทำบุญกุศลไว้นะ จิตนี้เกิดโดยธรรมชาติ ไม่มีการเว้นวรรคนะ ดูสิ เราไม่หายใจแค่ ๕ นาทีเราก็ต้องตาย ตายแน่นอนเลย นี่มันเลี้ยงได้ด้วยลมหายใจ เห็นไหม อาหารอันละเอียด แล้วความรู้สึกนี่มันอาหาร เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ไง

แต่เวลาเขาเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมล่ะ เขาอยู่โดยโลกที่ความเป็นทิพย์ของเขาล่ะ เขาต้องใช้อะไรล่ะ เห็นไหม โอปปาติกะ เกิดโดยสมบูรณ์ทันทีของเขา ความเกิดนั้นอะไรพาเกิด จิตพาเกิดทั้งนั้นนะ นี่จิตพาเกิด ทุกสิ่งที่มีการเกิดและการตายต้องมีจิตนี้เป็นผู้พาเกิด

สิ่งที่พาเกิด แล้วทำบุญกุศลมา มันถึงมีความเชื่อ ดูสิ ทำไมเรามีความเชื่อกัน ทำไมเราขวนขวายกัน เพราะอะไร เพราะเราเห็นคุณประโยชน์ไง เห็นคุณประโยชน์เพราะเรามีศาสนาประจำใจไง เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในหัวใจของเรา เราถึงเชื่อ

ดูสิ เวลาเราทำบุญกุศลกันไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เห็นไหม นี่มีธรรมะ มีธรรมะสภาวะไง สภาวะอนิจจัง สภาวะเป็นอนัตตา สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา สภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้ เทวดาของชาวพุทธเราถึงเปลี่ยนแปลงได้ เทวดาของเราถึงมาฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ เทวดา อินทร์ พรหมนี่สำเร็จเป็นหมื่นเป็นแสน

เราเห็นไหมล่ะ เราไม่เห็นนะ เรามองไม่เห็นว่าเทวดาเอาอะไรมาสำเร็จ แล้วเทวดาทำไมต้องมาฟังธรรมล่ะ เทวดาต้องมีคุณสมบัติดีกว่าเราสิ เทวดาต้องรู้เรื่องไปหมดสิ เทวดามีฤทธิ์ มีฤทธิ์จริงๆ แต่ก็เป็น.. มีฤทธิ์เห็นไหม ดูสิ ดูโทรศัพท์มือถือเรา เวลาถ่านเต็มโทรศัพท์ เราโทรได้หมดเลย เวลาถ่านหมด เห็นไหม แบตหมด นี่หมดแบตพูดไม่ได้แล้ว

ฤทธิ์มันเป็นอย่างนั้น ฤทธิ์มันมีเพราะอำนาจของจิตนะ ถ้าอำนาจของจิตนั้นมันเสื่อมได้ มันแปรสภาพ ฌานโลกีย์มันเป็นสภาวะแบบนั้น เรื่องของฌานโลกีย์ เห็นไหม ฤทธิ์อย่างนี้มันเป็นเรื่องของอนิจจัง สิ่งที่เป็นอนิจจังมันเป็นประโยชน์อะไรกับใครล่ะ มันเป็นของชั่วคราว มันเกิดตามบุญ เกิดตามบุญของเขา เกิดของชั่วคราว แล้วมันพึ่งได้ไหมล่ะ?

มันก็เหมือนเรา เราต้องพลัดพรากนะ เราต้องตายนะ เทวดา อินทร์ พรหม ก็ต้องหมดวาระของเขา ต้องตายเหมือนกัน สิ่งที่เขาตายเหมือนกันแล้วเขาทุกข์ไหม? คนที่ต้องพลัดพรากทุกข์ไหม? ถ้าคนที่พลัดพรากต้องทุกข์ เขาทุกข์เขาถึงต้องหาที่พึ่ง เขาถึงมาฟังธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เขาถึงมาฟังธรรมครูบาอาจารย์ของเราไง ฟังธรรม ธรรมเพราะอะไร เพราะธรรมเป็นเรื่องอริยสัจ

นี่สมมุติ สมมุติบัญญัติ บัญญัติคือธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเอาสิ่งนี้มาเป็นประโยชน์กับเรา เห็นไหม บัญญัติขึ้นมาเป็นวิธีการ เราไปศึกษากันเป็นปริยัติ สิ่งที่ปริยัติแล้วเรากระทำไหม นี่ศาสนาประจำใจไง ถ้าไม่มีศาสนาประจำใจ ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ไม่มีความละอาย

แต่เรามีความละอาย เรามีสมบัติผู้ดี เราคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราเห็นบุญคุณไง เรากตัญญูกตเวที วันนี้จะเกิดขึ้นมาเป็นพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งการเสียสละ เป็นศาสนาแห่งการเมตตา เป็นศาสนาที่ไม่สู้รบตบมือเพราะอะไร

เพราะเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อกรรม สอนให้เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การที่เราทำมาอยู่นี้ ที่ว่าเราทุกข์เราร้อนอยู่นี้ แล้วเราทำอะไรล่ะ เราก็ทำดี เห็นไหม ทุกคนจะคิดเลยเราทำดีตลอดเวลา ทำไมความดีไม่ตอบสนองเราเลย ทำไมคนอื่นเขาทำสิ่งที่ว่าผิดแปลกจากสังคม ทำไมของเขาประสบความสำเร็จ?

ไอ้นั่นมันเป็นกรรมเก่ากรรมใหม่ มันมีกรรมแตกต่างกันไปตลอด แล้วดูสิ ดูกิเลสในหัวใจของเราสิ บางทีเวลามันชื่นมื่น มันพอใจ มันเต็มใจทำสิ่งใดก็ได้ ประเดี๋ยวมันก็ยุบยอบลงนะ ความรู้สึกของเรามันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จิตใจของเรานี่เหมือนช้างสารที่ตกมันที่เราไม่สามารถเอาความรู้สึกของเราไว้ในอำนาจของเรา

ความรู้สึกเรานี่เราไม่สามารถเอาไว้ในอำนาจของเรา เห็นไหม ถ้าเราเชื่อธรรม เหมือนกับเริ่มรู้สึก คนไข้ต้องมีโอกาสนะ คนไข้มีโอกาส มีการรักษา มีการต่างๆ นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจมันมีอำนาจ สิ่งที่ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชำระกิเลส กิเลสคืออะไร กิเลสก็คืออำนาจที่เหนือหัวใจดวงนี้

แล้วเราพยายามสร้างบุญกุศลขึ้นมา ให้มีสถานะ ให้มีอินทรีย์ ให้มีภาวะ ภาวะรับผิดชอบเรา เห็นไหม สมาธิสั้น สมาธิยาว สมาธิคงตัวกับเรา เห็นไหม ควบคุมตัวเราเองได้ มันจะมีความสุขไปเรื่อยๆ นะ มันจะรู้จักสิ่งที่เป็นสมบัติที่เป็นนามธรรม จิตที่พาเกิดพาตายอยู่นี่ เราพัฒนามัน เราสร้างบุญกุศล สิ่งที่เราเวียนเทียนอยู่นี่เพราะอะไร เพราะอริยสัจเกิดมาจากใคร อริยสัจเกิดมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา แล้วก็สั่งสอนมานะ

สมัยก่อน สมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมะใหม่ๆ ธรรมะนี่จำเป็นมาก เพราะคนปรารถนา คนสนใจอยู่แล้ว เผยแผ่ไป เห็นไหม ธรรมวินัยยังไม่มากเลย แต่พระอรหันต์มหาศาลเลย แล้วพอบวชกันมามาก คนเข้ามามาก วุฒิภาวะของจิตต่างๆ เข้ามา มันมีความเห็นต่างๆ กัน ทำผิดทำพลาด ทำขึ้นมาต้องมีผู้ผิดพลาดแล้วถึงตรัสเป็นวินัยมา นี่เป็นกฎหมาย เป็นกฎหมายๆ มาตลอด เพื่อจะให้สังคมเราอยู่ร่มเย็นเป็นสุข สังคมเราไม่ให้เบียดเบียนกัน

สิ่งที่ความคิดที่มันยังหยาบอยู่ที่เป็นเรื่องของโลกๆ เป็นเรื่องของกิเลสทั้งหมด มันความคิดชั่วแล่น ความคิดชั่วแล่นไม่ให้ความคิดของเราอยู่ในอำนาจของเรา เห็นไหม ความคิดชั่วแล่น เอาสะดวก เอาสบาย คิดว่าสิ่งนี้เราทำแล้วมันจะเป็นประโยชน์กับเรา ไม่คิดเลยว่าสิ่งนั้นเป็นกรรมนะ ขณะที่เรากำลังปะทะด้วยคารมกัน ไม่เคยคิดเลยว่าเรากำลังประทุษร้ายกันเองแล้วนะ เราจะประทุษร้ายฝ่ายต่างๆ กัน เราจะเกิดสิ่งทะเลาะเบาะแว้งกัน เราจะเกิดต่างๆ ขึ้นมาบาดหมางกัน

แต่ถ้าเราชนะใจเราเอง นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐอย่างนี้ ประเสริฐถ้าเราควบคุมใจของเราได้ เราดูจิตของเราไม่ให้ไหม้เราก่อนนะ เวลาอารมณ์โกรธขึ้นมา มันไหม้เราก่อน หรือกระทบกระทั่งมันไหม้เราก่อน เพราะถ้าเราไม่ไหม้เราก่อน เราจะจาบจ้วง เราจะออกไปทะเลาะเบาะแว้งอย่างนั้นได้อย่างไร

สิ่งที่ออกไปมันเกิดจากใจทั้งนั้น แต่มันเป็นเรื่องของโลกที่มองกันว่าเราเป็นฝ่ายต่อสู้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เราเป็น.. มันคิดไปอย่างนั้นนะ แต่ถ้าเป็นธรรมะนะ เราจะเห็นเลย คนที่มีอารมณ์กับเรานั่นน่ะเปรตดีๆ นี่ เราเห็นเลย มนุสสเดรัจฉาโน มนุสสเทโว มนุษย์เป็นเทวดา มนุษย์เป็นสัตว์ การแสดงออกอย่างนั้นแสดงออกมาเพราะใจเขาโดนกิเลสเบียดเบียนแล้ว ใจเขาโดนทำลายแล้ว

นี่ศาสนาประจำใจ ถ้ามีศาสนาประจำใจนะ จะเห็นคุณประโยชน์ของศาสนานี้มาก ศาสนานี่มีคุณประโยชน์มากเลย เห็นไหม น้ำเลี้ยงไง น้ำเลี้ยงต่างๆ สังคมอยู่ด้วยระบบเศรษฐกิจ ถ้ามีระบบเศรษฐกิจทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข

ศาสนานี่ถ้ามีประเพณีวัฒนธรรม พยายามทำให้เราเข้ามาในศาสนา สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเรา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาได้ต้องมีพระพุทธก่อน มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน ถึงวางธรรมวินัยนี้เป็นสมบัติล้ำค่า ล้ำค่าจากศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ล้ำค่าด้วยศาสนวัตถุ

ศาสนวัตถุ ศาสนพิธี ศาสนต่างๆ เห็นไหม สิ่งนี้ทำขึ้นมาเพื่อจะย้อนกลับมาให้ใจดวงนี้ได้รับผล ใจที่เราจะทำกันอยู่นี้ได้รับผล การเดินเวียนเทียนได้บุญกุศลนะ ทำสิ่งใดๆ ต้องมีกุศล ดูสิ เราออกกำลังกาย เราออกต่างๆ เราจะเกิดเหงื่อ เราจะเกิดพลังงาน เราจะเสียพลังงานไปใช่ไหม? นี่เราเอาร่างกายมาด้วยความศรัทธา ด้วยความเชื่อของเรา แล้วเคารพบูชา ขณะที่จิตคิดถึงพุทโธ พุทโธ เราจะมีความสุขของเรา เราจะสร้างบุญญาธิการของเรา เห็นไหม สิ่งนี้เป็นประโยชน์กับเรา ให้เราตั้งใจนะ

คนตั้งใจ เจตนานี่กรรม ที่ว่าทำกรรมๆ กัน เจตนาบริสุทธิ์นะ เจตนาเปิดกว้างนะ จะได้บุญกุศลมหาศาลเลย ถ้าเจตนามาแต่สักแต่ว่าทำ เราปิดไว้ เวลาฝนตกแดดออกต่างๆ เราปิดภาชนะของเราไว้ เราจะไม่ได้อะไรเลย แต่ขณะที่ฝนตกแดดออก เราเปิดภาชนะของเรา เราจะได้รับสมบัติของเรา ได้เป็นประโยชน์กับเรา นี่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา

หัวใจก็เหมือนกัน นี่นามธรรม มันเป็นนามธรรม แต่มันอยู่ที่สติ อยู่ที่การคิดของเรา การบัญชาการของเรา ถ้าสติของเราทำอย่างนี้ เรารักษาของเราอย่างนี้ เห็นไหม มันเปิดมาตรงนี้ บุญเกิดตรงนี้ไง

เราทำทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง

เราถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดสมาธิขึ้นหนหนึ่ง

มีสมาธิร้อยหนพันหน ถ้ามันยกวิปัสสนา เห็นไหม มันเกิดปัญญาขึ้นหนหนึ่ง เห็นไหม สิ่งนี้มันเป็นบุญกุศล มันเทียบเคียงกันได้ แล้วถ้าใจมันมีศรัทธา ใจมันมีความเชื่อ เพราะมันเข้าถึงใจเลยไง พิธีกรรมต่างๆ หรือทานต่างๆ เราทำต่างๆ เข้าสู่ใจหมดนะ ใจนี่เป็นที่บันทึกไว้หมดเลย เพราะมันเกิดมาจากใจ เจตนาออกมา เจตสิกเข้าไปถึงใจ แล้วใจจะรับไว้หมดๆ ทำดีหรือทำชั่ว

“กรรม” พระพุทธเจ้าให้เชื่อเรื่องกรรม ถ้ากรรม ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำดี ดีของใคร ดีของหัวใจหรือดีของร่างกาย ถ้าดีของร่างกายมันก็ต้องสิ่งที่แปลกประหลาด สิ่งที่มันพอใจ นี่มันดีกับร่างกาย คือสิ่งที่มันเสพสัมผัสไง

แต่ถ้าดีของใจ มันเป็นนามธรรมไง มันเป็นความสุข มันเป็นความพอใจ มันเป็นความอาจหาญ มันเป็นความรื่นเริง เห็นไหม ใจมันเป็นสภาวะแบบนั้น ถ้าสภาวะแบบนั้น มันจะฝังใจไป แล้วเวลาใจมันตายไป ตัวไหนไปล่ะ ก็ตัวใจนี่ไป บุญนี่มันพาไป ที่ไปเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ก็เกิดตรงนี้ไง แต่ถ้ามันไปถึงที่สุดนะ ทำถึงที่สุดแล้วไม่ต้องเกิดเลย แล้วใจก็มีอยู่

หัวใจที่เราทุกข์ๆ ยากๆ อยู่นี่ ศาสนาของเราประเสริฐมาก ประเสริฐตั้งแต่ว่าใครมีกำลังแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ใครทำได้มากแค่ไหนก็ได้แค่นั้น เห็นไหม เราทำบุญ เราจะน้อยอกน้อยใจกันว่าเราไม่มีกำลังจะทำให้มากๆ เหมือนเขา ไอ้ทานก็คือทานอยู่วันยังค่ำแหละ แต่ถ้าถึงที่สุดแล้วต้องภาวนาทั้งนั้นล่ะ

ถ้าการภาวนา การชำระใจเรา นี่ใจเราชนะอย่างนี้ นี่ศาสนาประจำใจ ถ้าทุกดวงใจ นี่ศาสนาประจำมนุษย์นะ มนุษย์มีศาสนาประจำใจในศีลธรรม จริยธรรมนะ โอ้โฮ.. สังคมร่มเย็นเป็นสุขมาก ศาสนาเจริญมาก เจริญในหัวใจของผู้ที่เป็นเจ้าของศาสนา ถ้าเราเคารพเราบูชาในศาสนา เราจะถนอม เราจะรักษา

ถ้ารักษา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกานี่เป็นคนที่เชิดชูศาสนา จะเป็นผู้ที่ทำลายศาสนา นอกลัทธิต่างๆ เขาจะทำลายศาสนาเราไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะมันอยู่ในความรู้สึกเราไง เขาจะกดขี่ข่มเหงขนาดไหน แต่เวลาถึงโอกาส เราก็จะประกอบพิธีกรรมของเราได้ เราก็ทำอะไรของเราได้ เพราะใจเป็นตัวคิด ใจเป็นตัวนึก ใจเป็นตัวทำ ใจมันปกป้องศาสนา ศาสนาอยู่ที่นี่ วัตถุเขาทำลายขนาดไหน เราก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทั้งนั้น อะไรทำลายขนาดไหนก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมดเลย เพราะมนุษย์เป็นคนสร้างไง แล้วใจเป็นคนสร้างมนุษย์ไง

ดูสิ เวลากามตัณหาก็เกิดจากใจ ทุกอย่างก็เกิดจากใจ ใจเป็นคนสร้างหมดเลย แล้วใจมันเข้าไปถึงทำลายมันเอง ทำเข้ามาอย่างนี้ แล้วขณะปัจจุบันนี้ เราจะเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเราซึ้งในบุญคุณ ซึ้งในเมตตาธรรม ซึ้งต่างๆ เลย แล้วเราเอาบูชา เอาดอกไม้ธูปเทียนบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันเป็นบุญไหม มันเป็นบุญเลย บุญเกิดจากเจตนา เพราะเราเอาสิ่งนี้เป็นหลักเลย

วันนี้วันสำคัญทางศาสนา เราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่ากับเราเคารพตัวเราเอง เพราะมันรู้จักแก่นสารของเรา รากหญ้า รากของความคิด ความรู้สึกของคนมาจากที่นี่ สุข-ทุกข์อยู่ที่ใจ วัตถุจะมีมากมายขนาดไหน จะสุขจะทุกข์มันต้องใจนี่เป็นสุขเป็นทุกข์ ตัววัตถุ ตัวสุขทุกข์ไม่เป็น แต่ความรู้สึกของเราสุขทุกข์เป็น

แล้วเราก็กลับมาที่นี่ เรากลับมาเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเราจะเวียนเทียน วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เดี๋ยวเราจะพาทำวัตรสวดมนต์นะ เสร็จแล้วจะพาเวียนเทียน เวียนเทียนเสร็จแล้วนี่ ให้ธรรมะเท่านี้ แล้วกาลต่อไปจะเป็นภาคปฏิบัติ จะเทศน์ต่อไปอีกรอบหนึ่ง เอวัง